Accessibility Tools

กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์
Information and Public Relations Division
image

กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์

ประธานศาลฎีกาเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดินimage

       วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘ เวลา ๑๔.๐๐ นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA ๔๒๙ อาคารรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อพิจารณาร่างประกาศ แบบใบสมัคร หลักเกณฑ์ วิธีการ และกรอบระยะเวลาในการดำเนินการสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน

 

          เกร็ดความรู้

ภารกิจของประธานศาลฎีกาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เกี่ยวกับการสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

       รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้ประธานศาลฎีกามีหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้ง ๕ องค์กร ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกำหนดให้ประธานศาลฎีกาเป็นประธานกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระโดยตำแหน่ง ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรรมการสรรหาโดยตำแหน่ง นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยยังกำหนดให้บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง และบุคคลซึ่งองค์กรอิสระอื่นที่มิใช่องค์กรอิสระที่กำลังดำเนินการสรรหาแต่งตั้ง เป็นกรรมการสรรหาด้วย ดังนั้น องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จึงมีจำนวน ๙ คน ได้แก่ ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญแต่งตั้ง บุคคลซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งแต่งตั้ง บุคคลซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินแต่งตั้ง บุคคลซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแต่งตั้ง และบุคคลซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแต่งตั้ง

       ทั้งนี้ สำหรับบุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่มิใช่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน แต่งตั้ง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเช่นเดียวกับการเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน รวมทั้งต้องไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอีกด้วย อย่างไรก็ตาม หากไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หรือบุคคลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระแต่งตั้งมีไม่ครบ ไม่ว่าด้วยเหตุใด พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๑๕ วรรคห้า บัญญัติให้คณะกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจไปพลางก่อนได้ โดยในระหว่างนั้นให้ถือว่าคณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการสรรหาเท่าที่มีอยู่  นอกจากนี้ กฎหมายยังบัญญัติให้เลขาธิการวุฒิสภาเป็นเลขานุการของคณะกรรมการสรรหา และให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการสรรหาอีกด้วย

       สำหรับการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดินแทนตำแหน่งที่ว่างลงในครั้งนี้ เป็นกรณีสืบเนื่องจากคณะกรรมการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้คัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๖ คน แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและกรรมการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งพ้นจากตำแหน่ง และได้เสนอรายชื่อดังกล่าวต่อวุฒิสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ   ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ ๑๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) บุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อดังกล่าว จำนวน ๒ คน ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงน้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา จึงถือว่าบุคคลดังกล่าวไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา และเป็นเหตุให้คณะกรรมการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดินต้องดำเนินการสรรหาบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๒ คน แทนผู้ไม่ได้รับความเห็นชอบต่อไป

       ในการสรรหากรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กฎหมายบัญญัติให้คณะกรรมการสรรหาปรึกษาหารือเพื่อคัดสรรให้ได้บุคคลซึ่งมีความรับผิดชอบสูง มีความกล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ มีพฤติกรรมทางจริยธรรมเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม รวมตลอดทั้งมีทัศนคติที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จ โดยนอกจากการประกาศรับสมัครแล้ว คณะกรรมการสรรหาอาจดำเนินการสรรหาจากบุคคลซึ่งมีความเหมาะสมทั่วไปได้ด้วยแต่ต้องได้รับความยินยอมของบุคคลนั้น ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงความหลากหลายของประสบการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละด้านประกอบด้วย และเพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ให้คณะกรรมการสรรหาใช้วิธีการสัมภาษณ์หรือให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินหรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสมเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย