Accessibility Tools

กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์
Information and Public Relations Division
image

กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์

ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษจำคุก “เปรมชัย กับพวก” คดีล่าเสือดำในเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่า ฯ พร้อมชดใช้เงิน 2 ล้านบาทและดอกเบี้ยแก่กรมอุทยาน ฯimage

โดยคดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นผู้ร้อง (ขอให้ชดใช้ค่าเสียหาย)

 

นายเปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1

นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2

นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3

นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4

 

ความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

 

จำเลยที่ 1, 2,และ 4 ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ซึ่งพิพากษาให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานร่วมกันทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ จำคุกคนละ ๑ ปี
และปรับจำเลยที่ ๓ เป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๖ เดือน และปรับจำเลยที่ ๓ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท

ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ ๒ เดือน และปรับจำเลยที่ ๓ เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท

ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ฐานร่วมกันล่าเสือดำซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุกคนละ ๑ ปี

เมื่อรวมกับโทษจำคุก ๓ เดือน ของจำเลยที่ ๒ และที่ ๔ ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต กับโทษจำคุก ๖ เดือนของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ในความผิดฐานร่วมกันพาอาวุธฯโดยไม่ได้รับอนุญาต และโทษจำคุก ๔ เดือนของจำเลยที่ ๔ ในความผิดฐานพยายามล่ากระรอกซึ่งเป็นสัตว์ป่าในเขตพันธุ์รักษาสัตว์ป่าตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดทองผาภูมิ) คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี ๑๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ ปี ๑๗ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑ ปี ๘ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท และจำคุกจำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๒ ปี ๒๑ เดือน โทษจำคุกจำเลยที่ ๓ ให้รอการลงโทษไว้ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น กับให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ผลของคำพิพากษาศาลฎีกา สรุปได้ว่าการที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ร่วมกันมีซากเสือดำ
ที่ร่วมกันฆ่าไว้ในครอบครองและสถานที่เกิดเหตุเป็นป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตเพียงกรรมเดียว โดยให้การกำหนดโทษเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗   

ส่วนความผิดฐานร่วมกันรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งซากของไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 55 นั้น ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฯ ได้มี พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ออกใช้บังคับ และให้ยกเลิก พ.ร.บ. เดิม  ซึ่งตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไม่ได้บัญญัติให้การกระทำความผิดตามกฎหมายเดิม
ในมาตรา 55 นั้น เป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยทั้งสี่จึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.25๓๕ มาตรา ๕๕ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒ วรรคสอง 

ดังนั้น จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ จึงยังคงมีความผิดฐานร่วมกันมีซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ ส่วนฎีกาข้ออื่นๆของฝ่ายจำเลยฟังไม่ขึ้น

 ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติและกำหนดโทษ
ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗

ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสี่ในความผิดตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๕๕

 สำหรับค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ให้แก่กรมอุทยาน ฯ ผู้ร้องให้จำเลยทั้งสี่ชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีนับแต่วันที่ 4 ก.พ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๑๐ เม.ย. ๒๕๖๔ และอัตราร้อยละ ๕ ต่อปีนับแต่วันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง

อนึ่ง อัตราดอกเบี้ยนับแต่วันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๖๔ นั้น ถ้ากระทรวงการคลังปรับเปลี่ยนอัตรา
โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาเมื่อใด ก็ให้ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น แต่ต้องไม่เกินอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่ผู้ร้องขอ

นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 ค่าฤชาธรรมเนียมคดีส่วนแพ่งของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ในชั้นฎีกาให้เป็นพับ ส่งผลในส่วนของคดีอาญามีการลงโทษจำเลยทั้งสี่ดังนี้

จำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๒ ปี ๑๔ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๒ ปี ๑๗ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๓
มีกำหนด ๑ ปี ๘ เดือน และปรับ ๔๐,๐๐๐ บาท รอการลงโทษมีกำหนด ๒ ปีหากจำเลยที่ ๓ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙,๓๐ จำคุกจำเลยที่ ๔ มีกำหนด ๒ ปี ๒๑ เดือน


image เอกสารแนบ